วันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

                                         รำวงมาตรฐาน
                                     

  รำวงมาตรฐาน หมายถึง ศิลปะแห่งการฟ้อนรำให้เข้ากับจังหวะหน้าทับ ใช้ท่ารำที่เป็นแบบฉบับมาตรฐานโดยรำเป็นวงกลม หันหน้าทวนเข็มนาฬิกา  การรำวงมาตรฐานเป็นการรำที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่โดยการดูแลของกรมศิลปากรร่วมกับ กรมประชาสัมพันธ์ช่วยกันจัดทำขึ้น เพื่อให้เป็นแบบแผนในการใช้ท่ารำให้งดงามถูกต้องตามหลักนาฏศิลป์ไทย

รำวงมาตรฐาน05

               รำวง มาตรฐาน มีกำเนิดมาจากการรำโทน แต่เดิมการรำโทนเป็นการละเล่นพื้นเมืองของชาวไทยทั่วไป ใช้เล่นกันในฤดูเทศกาลเฉพาะท้องถิ่นบางจังหวัด ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ประชาชนในพระนครและธนบุรีนิยมรำโทนกันทั่วไป เพราะรำง่าย และรำได้ทุกเพศทุกวัย จึงใช้เป็นเครื่องปลอบใจได้เป็นอย่างดี

                รำ โทน หรือ รำวงพื้นบ้านได้รับความนิยม จึงทำให้แพร่หลายอย่างรวดเร็วในเวลาไม่นานนัก จอมพล ป.พิบูลสงคราม ท่านให้ความสนใจและสนับสนุนรำวงอย่างจริงจัง จึงได้มอบหมายให้กรมศิลปากรจัดการปรับปรุงการรำ และบทร้องให้มีแบบแผนที่แน่นอน เพื่อเชิดชูศิลปวัฒนธรรมไทยการละเล่นพื้นบ้านให้ทีระเบียบ แบบแผนเป็นแบบฉบับต่อคนรุ่นหลัง กรมศิลปากร ประพันธ์ 4 บทเพลง คืองามแสงเดือน,ชาวไทย ,รำซิมารำและ คืนเดือนหงาย ท่านผู้หญิงละเมียด พิบูลสงคราม ประพันธ์ 6 บทเพลง คือ ดอกไม้ของชาติ , ดวงจันทร์-วันเพ็ญ ,หญิงไทยใจงาม ,ยอดชายใจหาญ ,ดวงจันทร์ขวัญฟ้า ,บูชานักรบ
                 กรม ศิลปากรได้นำท่ารำจาก ท่าแม่บทของนาฏศิลป์ไทย มากำหนดเป็นท่ารำของแต่ ละบท เพื่อให้เป็นต้นฉบับ จึงเรียกว่า “รำวงมาตรฐาน” แม้สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2แล้ว รำวงมาตรฐานก็ยังคงไม่รับความนิยม ต่อมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้มีผู้นำเอาไปสลับกับการเต้นลีลาศ ซึ่งชาวต่างชาติก็นิยมนำรำวงมาตรฐานไปเล่นกันอย่างแพร่หลายจนเป็นศิลปะที่ นิยมกันไปนานาประเทศ มีนักประพันธ์ชาวอเมริกันบางท่านที่ชอบ
                รำวง มาตรฐานจึงนำไปเขียนกล่าวขวัญไว้ในหนังสือ Theatre In The East โดยเขาเป็นผู้แต่งแต่เรียก “รำวง” เพี้ยนไปเป็น “รำบวง”  สำหรับผู้ประดิษฐ์ท่ารำวงมาตรฐานคือ หม่วมต่วน (ศุภลักษณ์  ภัทรนาวิก) นางมัลลี คงประภัศร์ และคุณครูละมุล ยมะคุปต์   
                                            
                                  ลำดับต่อไปก็จะเป็นการนำพาทุกคนที่เข้ามาชมได้รู้จักท่ารำและได้ศึกษาในรายวิชานาฏศิลป์ได้หวังว่าทุกคนทุกท่านจะชอบในการนำเสนอในรูปแบบนี้ขอบคุณครับ          

                                              ๑๐.เพลงบูชานักรบ





เพลงบูชานักรบ
คำร้อง   ท่านผู้หญิงละเอียด  พิบูลสงคราม
ทำนอง  ครูเอื้อ  สุนทรสนาน
 น้องรักรักบูชาพี่
เป็นนักสู้เชี่ยวชาญ
น้องรักรักบูชาพี่
หนักแสนหนักพี่ผจญ
น้องรักรักบูชาพี่
บากบั่นสร้างหลักฐาน
น้องรักรักบูชาพี่
เลือดเนื้อพี่พลีอุทิศ
 ที่มั่นคงที่มั่นคงกล้าหาญ
สมศักดิ์ชาตินักรบ
ที่มานะที่มานะอดทน
เกียรติพี่ขจรจบ
ที่ขยันที่ขยันกิจการ
ทำทุกด้านทำทุกด้านครันครบ
ที่รักชาติที่รักชาติยิ่งชีวิต
ชาติยงอยู่ยงอยู่คู่พิภพ 
ความหมาย  น้องรักและบูชาพี่ เพราะมีความกล้าหาญ เป็นนักสู้ที่เก่งกล้าสามารถสมกับเป็นชายชาตินักรบที่มีความมานะอดทน แม้ว่าจะยากเย็นแสนเข็ญ พี่ก็ต่อสู้จนชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว  นอกจากนี้ยังขยันขันแข็งในงานทุกอย่าง อุตส่าห์สร้างหลักฐานให้มั่นคง และพี่ยังมีความรักในชาติบ้านเมืองยิ่งกว่าชีวิต ยอมสละได้แม้ชีวิตและเลือดเนื้อเพื่อให้ชาติไทยคงอยู่คู่โลกต่อไป
ใช้ท่าประกอบ 

น้องรัก      เที่ยวที่ ๑ ท่าหญิง "ขัดจางนาง" ท่าชาย "จันทร์ทรงกลด"
(หญิง)  มือทั้งสองจีบคว่ำ
(ชาย)  มือทั้งสองจีบคว่ำระดับวงกลาง

รักบูชาพี่    (หญิง)  พลิกข้อมือเป็นจีบหงายไขว้กัน มือขวาทับซ้ายอยู่ระดับวงล่าง เอียงขวา
(ชาย)  พลิกข้อมือเป็นจีบหงายระดับวงกลาง งอแขนเล็กน้อย

ที่มั่นคง     (หญิง)  สลัดจีบเป็นมือแบหงายปลายนิ้วตก
(ชาย)  สลัดจีบเป็นมือแบหงายปลายนิ้วตก ระดับวงกลาง

ที่มั่นคงกล้าหาญ     (หญิง)  พลิกมือขึ้นตั้งวงล่าง มือยังไขว้กันอยู่เอียงซ้าย เป็นท่า"ขัดจางนาง"
(ชาย)  พลิกมือขึ้นตั้งวงกลาง เป็นท่า "จันทร์ทรงกลด"
การก้าวเท้า เท้าขวาก้าวข้าง ก้าวเท้าซ้ายไขว้ ก้าวเท้าขวา แล้วจรดจมูกเท้าซ้ายย่อเข่าลง จากนั้นเท้าซ้ายก้าวข้าง เท้าขวาก้าวไขว้ เท้าขวาจรดจมูกเท้าแล้วย่อเข่า ทำเช่นนี้สลับกันตามจังหวะ จนจบหนึ่งรอบ 

น้องรักรักบูชาพี่     เที่ยวที่ ๒ ท่าหญิง "ล่อแก้ว" ท่าชาย "ขอแก้ว"
(หญิง)  จังหวะที่ ๑ มือซ้ายเลื่อนขึ้นไปตั้งวงบน มือขวาจีบล่อแก้วคว่ำ แล้วเปลี่ยนเป็นจีบล่อแก้วหงาย หักข้อมือเข้าลำแขน แขนตึงต่ำกว่าไหล่เล็กน้อย
(ชาย)  จังหวะที่ ๑ มือซ้ายตั้งวงบน มือขวาช้อนมือหมุนข้อมือไปทางนิ้วก้อย แล้วแบมือในลักษณะขอ โดยยื่นมือไปรับแก้วของหญิง แขนงอเล็กน้อย
การก้าวเท้าเหมือนกัน โดยเท้าขวาหนักหลังก่อน เริ่มก้าวเท้าซ้าย ก้าวเท้าขวา เท้าซ้ายวางหลัง

ที่มั่นคงกล้าหาญ          (หญิง)  จังหวะที่ ๒ ปล่อยจีบล่อแก้วลงเป็นแบมือหงายปลายนิ้วตก แล้วยกขึ้นตั้งวงบน มือซ้ายจีบล่อแก้วคว่ำระดับวงบนแล้วเปลี่ยนเป็นจีบล่อแก้วหงาย
(ชาย)  มือขวาเปลี่ยนไปเป็นตั้งวงบน มือซ้ายแบมือยื่นออกไปรับแก้วของหญิง
การก้าวเท้า เท้าซ้ายหนักหลังก่อน แล้วก้าวเท้าขวา ก้าวเท้าซ้าย เท้าขวาวางหลัง

 

สำหรับเพลงรำวงมาตรฐานทั้งหมด ๑๐ เพลงนี้แต่ล่ะเพลงก็ใช้ท่าทางหรือท่ารำประกอบ ก็แตกต่างกันไป โดยท่าำรำแต่ล่ะท่าก็จะมีความสละสรวยในท่ารำในเพลงนั้นๆ หวังว่าทุกท่านได้รับความรู้จาก ท่ารำของรำวงมาตรฐาน





                                       ๙.เพลงยอดชายใจหาญ


เพลงยอดชายใจหาญ 
        คำร้อง   ท่านผู้หญิงละเอียด  พิบูลสงคราม
        ทำนอง  ครูเอื้อ  สุนทรสนาน
                โอ้ยอดชายใจหาญ         ขอสมานไมตรี
                น้องขอร่วมชีวี               กอบกรณีย์กิจชาติ
                แม้สุดยากลำเค็ญ           ไม่ขอเว้นเดินตาม
                น้องจักสู้พยายาม            ทำเต็มความสามารถ
        ความหมาย  ขอผูกมิตรไมตรีกับชายผู้กล้าหาญ  และจะขอมีส่วนในการทำประโยชน์ทำหน้าที่ของชาวไทย แม้จะลำบากยากแค้น ก็จะขอช่วยเหลือจนเต็มความสามารถ

ใช้ท่าประกอบ 

น้องขอร่วมชิวีกอบกรณีกิจชาติ  (หญิง)  มือซ้ายตั้งวงบน มือขวาแบหงายระดับไหล่ แล้วพลิกข้อมือเป็นมือตั้ง เปลี่ยนเป็นมือหงายสลับกันไป
(ชาย)  มือขวาตั้งวงบน มือซ้ายจีบหงาย ระดับต่ำกว่าวงกลาง
ทำท่าเช่นนี้สลับกันจนจบเพลง  ส่วนการก้าวเท้า จะก้าวเท้าไปเรื่อยๆตามจังหวะของเพลงและเดิน
เบี่ยงตัวออกนอกวงรำ

 

ต่อไปจะเป็นท่าประกอบเพลงที่ ๑๐ โดยมีชื่อเพลงว่า เพลงบูชานักรบ


                                   ๘.เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า




เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า 
คำร้อง   ท่านผู้หญิงละเอียด  พิบูลสงคราม
ทำนอง  ครูเอื้อ  สุนทรสนาน
ดวงจันทร์ขวัญฟ้า      ชื่นชีวาขวัญพี่
จันทร์ประจำราตรี       แต่ขวัญพี่ประจำใจ
ที่เทิดทูนคือชาติ        เอกราชอธิปไตย
ถนอมแนบสนิทใน      คือขวัญใจพี่เอย
        ความหมาย  ในเวลาค่ำคืนท้องฟ้ามีดวงจันทร์ประจำอยู่  ในใจของชายก็มีหญิงอันเป็นสุดที่รักประจำอยู่เช่นกัน  สิ่งที่เทิดทูนยกย่องไว้ก็คือชาติไทยที่เป็นเอกราช มีอิสระแก่ตนไม่ขึ้นกับใคร และสิ่งที่แนบสนิทอยู่ในใจของชายก็คือหญิงอันเป็นสุดที่รัก
ใช้ท่าประกอบ ท่าช้างประสานงา , จันทร์ทรงกลด    ท่าเชื่อม  มือทั้งสองจีบคว่ำด้านหน้า เอียงซ้ายจีบมือหงายทั้งสองข้าง เหยียดแขนตึงไปข้างหน้าเสมอไหล่เป็นท่า "ช้างประสานงา"
ท่าเชื่อม ปล่อยจีบลงเป็นแบมือหงาย ปลายนิ้วตกลงอย่างรวดเร็ว
ท่าเชื่อม ปล่อยจีบลงเป็นแบมือหงาย ปลายนิ้วตกลงอย่างรวดเร็ว พลิกข้อมือทั้งสองขึ้น เป็นตั้งวงหน้าให้ปลายนิ้วชี้ขึ้นระดับคิ้ว หย่อนข้อศอกพองาม
เป็นท่า "จันทร์ทรงกลด"
การก้าวเท้า เช่นเดียวกับเพลงคืนเดือนหงาย โดยก้าวเท้าขวา ก้าวเท้าซ้าย แล้วใช้เท้าขวาวางหลัง ก้าวเท้าซ้าย ก้าวเท้าขวา ใช้เท้าซ้ายวางหลัง ทำเช่นนี้จนจบเพลง 
               ต่อไปจะเป็นท่าประกอบเพลงที่ ๙ โดยมีชื่อเพลงว่า เพลง ยอดชายใจหาญ ครับ


                                         ๗.เพลงหญิงไทยใจงาม


เพลงหญิงไทยใจงาม 
        คำร้อง   ท่านผู้หญิงละเอียด  พิบูลสงคราม
        ทำนอง  ครูเอื้อ  สุนทรสนาน
              เดือนพราว             ดาวแวววาวระยับ
              แสงดาวประดับ       ส่องให้เดือนงามเด่น
              ดวงหน้า               โสภาเพียงเดือนเพ็ญ
              คุณความดีที่เห็น     เสริมให้เด่นเลิศงาม
              ขวัญใจ                หญิงไทยส่งศรีชาติ
              รูปงามวิลาส          ใจกล้ากาจเรืองนาม
              เกียรติยศ              ก้องปรากฎทั่วคาม
              หญิงไทยใจงาม      ยิ่งเดือนดาวพราวแพรว
         ความหมาย  ดวงจันทร์ที่ส่องแสงอยู่บนท้องฟ้ามีความงดงามมาก  และยิ่งได้แสงอันระยิบระยับของดวงดาวด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ดวงจันทร์นั้นงามเด่นยิ่งขึ้น เปรียบเหมือนกับดวงหน้าของหญิงสาวที่มีความงดงามอยู่แล้ว ถ้ามีคุณความดีด้วย ก็จะทำให้หญิงนั้นงามเป็นเลิศ  ผู้หญิงไทยนี้เป็นขวัญใจของชาติ เป็นที่เชิดหน้าชูตาของชาติ รูปร่างก็งดงาม จิตใจก็กล้าหาญ ดังที่มีชื่อเสียงปรากฏอยู่ทั่วไป
ใช้ท่าประกอบ ท่าพรหมสี่หน้า, ยูงฟ้อนหาง   ท่าเชื่อมคือมือทั้งสองจีบคว่ำระดับวงกลาง 
 แล้วสอดจีบขึ้นไปตั้งวงบัวบาน เรียกว่าท่าพรหมสี่หน้าจากนั้นมือทั้งสองค่อยๆ ลดวงบัวบานลงมา ส่งมือทั้งสองไปด้านหลัง แขนตึงคว่ำมือปลายนิ้วเชิดขึ้น เป็นท่ายูงฟ้อนหาง แล้วเปลี่ยนเป็นท่าเชื่อมคือจีบคว่ำ  การก้าวท้าวเช่นเดียวกับเพลง "คืนเดือนหงาย" 
        ต่อไปจะเป็นท่าประกอบเพลงที่ ๘ โดยมีชื่อเพลงว่า เพลง ดวงจันทร์ขวัญฟ้า ครับ
                                             ๖.เพลงดอกไม้ของชาติ

เพลงดอกไม้ของชาติ 
                  (สร้อย)   ขวัญใจดอกไม้ของชาติ         งามวิลาสนวยนาดร่ายรำ (ซ้ำ) 
                  เอวองค์อ่อนงาม                             ตามแบบนาฎศิลป์ 
                  ชี้ชาติไทยเนาว์ถิ่น                          เจริญวัฒนธรรม 
                  (สร้อย)   
                  งานทุกสิ่งสามารถ                           สร้างชาติช่วยชาย 
                  ดำเนินตามนโยบาย                         สู้ทนเหนื่อยยากตรากตรำ 
ใช้ท่ารำประกอบ ท่ารำยั่ว   มือซ้ายตั้งวงล่าง มือขวาจีบส่งหลัง เอียงศีรษะด้านเดียวกับวง ชาย-หญิงหันหน้าเข้าหากัน โดยชายก้าวเท้าขวาออกนอกวงรำก่อนคำร้องเล็กน้อย หญิงถอยเท้าขวาออกนอกวงรำเล็กน้อย                                
                 ต่อไปจะเป็นท่าประกอบเพลงที่ ๗ โดยมีชื่อเพลงว่า เพลง หญิงไทยใจงาม ครับ
                                            ๕.เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ

       คำร้อง  ท่านผู้หญิงละเอียด  พิบูลสงคราม
        ทำนอง   อาจารย์มนตรี  ตราโมท
เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ
ดวงจันทร์วันเพ็ญ ลอยเด่นอยู่ในนภา
ทรงกลดสดสี รัศมีทอแสงงามตา
แสงจันทร์อร่าม ฉายงามส่องฟ้า
ไม่งามเท่าหน้า นวลน้องยองใย
       งามเอยแสนงาม งามจริงยอดหญิงชาติไทย
งามวงพักตร์ยิ่งดวงจันทรา จริตกิริยานิ่มนวลละไม
วาจากังวาน อ่อนหวานจับใจ
รูปทรงสมส่วนยั่วยวนหทัย สมเป็นดอกไม้ขวัญใจชาติเอย


         ความหมาย  พระจันทร์เต็มดวงที่ลอยอยู่บนท้องฟ้านั้นช่างดูสวยงาม เพราะเป็นพระจันทร์ทรงกลด คือมีแสงเลื่อมกระจายออกรอบดวงจันทร์ทั้งดวง แต่ถึงจะงามอย่างไรก็ยังไม่เท่าความงามของดวงหน้าหญิงสาว ที่ดูผุดผ่องมีน้ำมีนวล อีกทั้งรูปร่างก็ดูสมส่วน กิริยาวาจาก็อ่อนหวานไพเราะ สมแล้วกับที่เปรียบว่าหญิงไทยนี้คือดอกไม้ของชาติไทยเรา 
ใช้ท่าประกอบ 
ท่าแขกเต้าเข้ารัง , ผาลาเพียงไหล่
ท่าแขกเต้าเข้ารัง มือขวาจีบสูง มือซ้ายจีบอยู่ใต้ศอกขวา เท้าซ้ายแตะเท้าขวา เอียงซ้ายท่าแขกเต้าเข้ารัง , ผาลาเพียงไหล่
ท่าแขกเต้าเข้ารัง มือขวาจีบสูง มือซ้ายจีบอยู่ใต้ศอกขวา เท้าซ้ายแตะเท้าขวา เอียงซ้าย

ลอยเด่น ใช้เท้าขวาที่แตะหมุนตัวไปทางขวา มือขวาที่จีบอยู่ใต้ศอกเปลี่ยนเป็นจีบปรกข้าง มือซ้ายที่จีบสูงเปลี่ยนเป็นตั้งวง เอียงขวา ก้าวเท้าซ้ายไขว้เท้าขวา

อยู่ในนภา หมุนตัว ถอยเท้าขวาลงวางหลัง หันหน้ากลับที่เดิม ท่าผาลา มือขวาตั้งวง มือซ้ายแบหงายต่ำระดับเอว เอียงขวา ใช้เท้าซ้ายแตะเท้าขวา เอียงขวา

ทรงกลดท่าแขกเต้าเข้ารัง มือซ้ายจีบสูง มือขวาจีบอยู่ใต้ศอกซ้าย เท้าขวาแตะเท้าซ้าย เอียงขวา

สดสี มือขวาจีบสูง มือซ้ายจีบอยู่ใต้ศอกขวา เท้าซ้ายแตะเท้าขวา เอียงซ้าย


รัสมี ใช้เท้าซ้ายที่แตะหมุนตัวไปทางซ้าย มือซ้ายที่จีบอยู่ใต้ศอกเปลี่ยนเป็นจีบปรกข้าง มือขวาที่จีบสูงเปลี่ยนเป็นตั้งวง เอียงซ้าย ก้าวเท้าขวาไขว้เท้าซ้าย
งามตา
หมุนตัว ถอยเท้าซ้ายลงวางหลัง หันหน้ากลับที่เดิม ท่าผาลา มือซ้ายตั้งวง มือขวาแบหงายต่ำระดับเอว เอียงซ้าย ใช้เท้าขวาแตะเท้าซ้าย เอียงซ้าย
*** ทำท่าเช่นนี้สลับหมุนซ้ายขวา ไปจนจบเพลง 

ต่อไปจะเป็นท่ารำประกอบเพลงที่ ๖ โดยมีชื่อเพลงว่า เพลง ดอกไม้ของชาติ ครับ
                                                     ๔.คืนเดือนหงาย

       
 คำร้อง   จมื่นมานิตย์นเรศ (นายเฉลิม เศวตนันท์) หัวหน้ากองการสังคีต กรมศิลปากร (ประพันธ์ในนามกรมศิลปากร)
        ทำนอง   อาจารย์มนตรี  ตราโมท
                ยามกลางคืนเดือนหงาย         เย็นพระพายโบกพริ้วปลิวมา
                เย็นอะไรก็ไม่เย็นจิต              เท่าเย็นผูกมิตรไม่เบื่อระอา
                เย็นร่มธงไทยปกไปทั่วหล้า     เย็นยิ่งน้ำฟ้ามาประพรมเอย
        ความหมาย  เวลากลางคืน เป็นคืนเดือนหงาย มีลมพัดมาเย็นสบายใจ แต่ก็ยังไม่สบายใจเท่ากับการที่ได้ผูกมิตรกับผู้อื่น และที่ร่มเย็นไปทั่วทุกแห่งยิ่งกว่าน้ำฝนที่โปรยลงมา ก็คือการที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็นเอกราช มีธงชาติไทยเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ร่มเย็น
ใช้ท่าประกอบ ท่าสอดสร้อยมาลาแปลง         แปลงมาจากท่าสอดสร้อยมาลาในเพลงงามแสงเดือน ท่าเตรียมโดยยืนเท้าชิดกัน มือซ้ายตั้งวงบน มือขวาจีบหงายที่ชายพก ศีรษะเอียงขวา  พอเริ่มเพลงมือขวาที่จีบหงายที่ชายพกโบกขึ้นไปตั้งวงบน โดยไม่ต้องสอดหรือม้วนมือ มือซ้ายลดวงลงแล้วพลิกข้อมือเป็นจีบหงายที่ชายพก เปลี่ยนมาเอียงซ้าย
 

ต่อไปจะเป็นท่ารำปะกอบเพลงที่ ๕ โดยมีชื่อเพลงว่า เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ ครับ


                       ๒.เพลงชาวไทย                        
        คำร้อง    จมื่นมานิตย์นเรศ (นายเฉลิม เศวตนันท์) หัวหน้ากองการสังคีต กรมศิลปากร (ประพันธ์ในนามกรมศิลปากร)
        ทำนอง   อาจารย์มนตรี  ตราโมท
              ชาวไทยเจ้าเอ๋ย             ขออย่าละเลยในการทำหน้าที่
              การที่เราได้เล่นสนุก         เปลื้องทุกข์สบายอย่างนี้
              เพราะชาติเราได้เสรี         มีเอกราชสมบูรณ์
              เราจึงควรช่วยชูชาติ        ให้เก่งกาจเจิดจำรูญ
              เพื่อความสุขเพิ่มพูน         ของชาวไทยเรา เอย 
       ความหมาย  หน้าที่ที่ชาวไทยพึงมีต่อประเทศชาตินั้น เป็นสิ่งที่ทุกคนควรกระทำ อย่าได้ละเลยไปเสีย  ในการที่เราได้มาเล่นรำวงกันอย่างสนุกสนาน ปราศจากทุกข์โศกทั้งปวงนี้ก็เพราะว่าประเทศไทยเรามีเอกราช ประชาชนมีเสรีในการคิดจะทำสิ่งใดๆ  ดังนั้น เราจึงควรช่วยกันเชิดชูชาติไทยให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป เพื่อความสุขยิ่งๆ ขึ้นของไทยเราตลอดไป
ใช้ท่าประกอบ ท่าชักแป้งผัดหน้า       
จีบมือขวาลักษณะจีบปรกข้างระดับศีรษะ มือซ้ายวงหน้าอยู่ระดับปาก เอียงขวา


 

ต่อไปจะเป็นท่ารำปะกอบเพลงที่ ๓ โดยมีชื่อเพลงว่า รำมาซิมารำ ครับ



                     ๓.เพลงรำมาซิมารำ
        คำร้อง   จมื่นมานิตย์นเรศ (นายเฉลิม เศวตนันท์) หัวหน้ากองการสังคีต กรมศิลปากร (ประพันธ์ในนามกรมศิลปากร)
        ทำนอง   อาจารย์มนตรี  ตราโมท
    รำซิมารำ                     เริงระบำกันให้สนุก
ยามงานเราทำงานจริง ๆ   ไม่ละไม่ทิ้งจะเกิดเข็ญขลุก
ถึงยามว่างเราจึงรำเล่น     ตามเชิงเช่นเพื่อให้สร่างทุกข์
ตามเยี่ยงอย่างตามยุค      เล่นสนุกอย่างวัฒนธรรม
เล่นอะไรให้มีระเบียบ        ให้งามให้เรียบจึงจะคมขำ
มาซิมาเจ้าเอ๋ยมาฟ้อนรำ    มาเล่นระบำของไทยเราเอย
ความหมาย  ขอพวกเรามาเล่นรำวงกันให้สนุกสนานเถิดในยามว่างเช่นนี้จะได้คลายทุกข์  ถึงเวลางานเราก็จะทำงานกันจริงๆ เพื่อจะได้ไม่ลำบาก และการรำก็จะรำอย่างมีระเบียบแบบแผน ตามวัฒนธรรมไทยของเราแล้วจะดูงดงามยิ่ง 
ใช้ท่ารำประกอบ ท่ารำส่าย      แขนทั้งสองตึงโดยมือซ้ายหงายระดับไหล่ มือขวาคว่ำอยู่ระดับเอว มือซ้ายวาดแขนลงระดับเอว พร้อมกับพลิกมือขวาหงายขึ้นระดับไหล่ สลับกันเช่นนี้จนจบเพลง  ส่วนเท้าก้าวตามจังหวะ เมื่อถึงเนื้อเพลงที่ว่า
"เล่นอะไรให้มีระเบียบ ให้งามให้เรียบจึงจะคมขำ" ให้ฝ่ายหญิงกลับหลังหันตามจังหวะเพลง หมุนตัวทางซ้าย
เดินเปลี่ยนที่กับฝ่ายชายเป็นรูปครึ่งวงกลม เมื่อถึงเนื้อเพลง "มาซิมาเจ้าเอ๋ยมาฟ้อนรำ มาเล่นระบำของไทยเราเอย" ให้ฝ่ายหญิงหมุนตัวกลับหลังหันทางด้านขวา เดินกลับที่เดิม ฝ่ายชายก็เดินตามฝ่ายหญิงต่อไป 
 

ต่อไปจะเป็นท่ารำประกอบเพลงที่ ๔ โดยมีชื่อเพลงว่า คืนเดือนหงาย ครับ

ฟ้อนหมากกั๊บแก้บ - ลำ หมากกั๊บแก้บ(กรับ)   เป็นเครื่องดนตรีประกอบจังหวะของภาคอีสาน มีด้วยกัน 2 ประเภท คือ 1. กั๊บแก้บไม้สั้น เป็นไ...